หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สำนักงานจัดการป่าไม้ที่ 5 สระบุรี " จัดประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน"



              สำนักงานจัดการป่าไม้ที่ 5 สระบุรี " จัดประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน" เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันต้นไม้แห่งชาติ






              วันที่ 29 พฤษภาคม2561 นายเกียรติศักดิ์ิ ตรงศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธาน มี พลตรี อัศวินบุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่18 นายสายยนต์  สีหาบัว ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรีพันเอก เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง กอ.รมน.จ.สระบุรีพันเอกอำนาจ  วชิรศักดิ์โสภานะ เสนาธิการ กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์  ผู้แทนทหารกรมทหารม้าที่5รักษาพระองค์ ร่วมงานวันต้นไม้แห่งชาติ มี นาย  สมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าไม้ที่ 5สระบุรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์  พร้อมหน่วยงาน ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน นักเรียน นักศึกษา องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ร่วมกันปลูกต้นไม้






               เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อปีพ.ศ.2532 กำหนดให้วันวิสาขบูชาของทุกปีเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ และในปีนี้ตรงกับวันที่ 29 พฤษภาคม 2561   กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและประชาชนในจังหวัดสระบุรีร่วมกันปลูกต้นไม้"ประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน" เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ บรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่10






                เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อแสดงความจงรักภักดี และให้ประชาชนมีความรักความสามัคคีพร้อมปลูกต้นไม้ไว้ให้ลูกหลานดูแลและห่วงแหนรักษาป่าไม้ในชาติและเป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้สำนักงานจัดการป่าไม้ที่5สระบุรีได้นำต้นไม้มาปลูกกว่า2,000ต้นได้แก่ต้นไม้พะยุง  จ้นไม้ยางนา ต้นไม้รังผึ้ง ที่มีดอกสีเหลืองประจำวันราชสมภพใน รัชกาลที่10  จากนั้นได้นำกล้าไม้นำมาปลูกเช่นต้นไม้ยางนา จ้นไม้พะยุง  ต้นไม้รัง เพิ่มอีกกว่า500ต้นสำหรับปลูกในพื้นที่กว่า20ไร่ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ามวกเหล็กและป่าทับกวางแปลงที่2 บ้านหนองบัวแดง หมู่ที่2 ตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี





 (คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)  บรรณาธิการข่าว 
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

สุพรรณบุรี สมาคมส่งเสริมอาชีพการเกษตร ยื่นคัดค้านร่างแก้ไข พรบ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.๒๕๒๗



          วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๑๐.๐๐ กอ.รมน.จังหว้ด ส.พ.พ.อ.เสน่ห์ บำรุงกิจ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ส.พ.(ท) มอบหมายให้ ร.ท. ธง สุวิโรจน์ จนท.ยุทธการ กอ.รมน.จังหวัด ส.พ.ร่วมกับ นายทรงพล ใจกริ่มรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี คุณเอื้อมเดือน อุทัยกุล ผอศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกียวข้องร่วมกันรับหนังสือจาก นายสุเนตร วังกรานต์ นายกสมาคมส่งเสริมอาชีพการเกษตรสุพรรณบุรี เป็นแกนนำยื่นเรื่อง ผ่าน ผู้ว่าราชการหวัดพร้อมกัน ทุกจังหวัด










          โดยมีข้อความดังนี้ข้อเสนอแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย และ ข้อคัดค้านร่างแก้ไข พรบ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.๒๕๒๗ ของคณะกรรมการพิจารศึกษาปรับปรุงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช)





 

อำนวย  เดชทองคำ  ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์  รายงาน
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

นครปฐม สพร.16 ฝึกอาชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 


           สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 นครปฐมจังหวัดนครปฐม พร้อมฝึกอาชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ







           นางวิจิตรา  บูรณะวานิช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 นครปฐม ตรวจเยี่ยมการดำเนินการฝึกอาชีพโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และความมั่นคงในชีวิต ผู้ถือบัตรฯ เข้ารับการฝึกอาชีพ สาขาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จำนวน 23 คน  ณ อาคารเอนกประสงค์วัดดอนยอ  ตำบลดอนตูม และสาขาการประกอบอาหาร จำนวน 21 คน ณ อาคารเอนกประสงค์วัดลำพญา  ตำบลลำพญา  อำเภอบางเลน ระยะเวลาการฝึก18 ชั่วโมง  ฝึกระหว่างวันที่  30 พฤษภาคม -1 มิถุนายน 2561








            สำหรับการฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำหรือการประกอบอาชีพอิสระครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยมีความรู้ความสามารถ และทักษะที่จะนำไปใช้ในการทำงานหรือการประกอบอาชีพอิสระ ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นและก้าวพ้นขีดความยากจน ทั้งนี้มาตรการ "พัฒนาคุณภาพชีวิต" ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากระยะเริ่มต้น ซึ่งเปรียบเสมือนการให้ "ปลา" และระยะที่ 2 เป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือเป็นรายบุคคล "สอนและให้เครื่องมือในการหาปลา" เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหรือการให้ความช่วยเหลือสามารถทำได้อย่างตรงจุด ตรงความต้องการของแต่ละบุคคล  ในการนี้ หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครปฐม ร่วมบรรยาย แนะนำภารกิจในครั้งนี้ด้วย



 





เกรียงไกร ก่อเกียรติตระกูล บรรณาธิการข่าว 

เรวัติ น้อยวิจิตร Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445

เอไอเอส ส่งเสริมศักยภาพ อสม.ให้ก้าวสู่ อสม. 4.0



            เอไอเอสส่งเสริมศักยภาพอสม.ให้ก้าวสู่ อสม. 4.0 จับมือกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดโครงการ“ประกวดการใช้งานแอปฯอสม.ออนไลน์ ปีที่ 2

เอไอเอสสานต่อความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดโครงการ “ประกวดการใช้งานแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ปีที่ 2” เพื่อส่งเสริมศักยภาพของอสม.ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปช่วยดูแลสุขภาพคนในชุมชนยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเชิญชวนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านทั่วประเทศเข้าร่วมประกวดฯ เพื่อก้าวสู่การเป็นอสม. 4.0 พร้อมรับเงินสนับสนุน“ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข”มูลค่ารวมกว่า ล้านบาท



นางวิไล เคียงประดู่ หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอสกล่าวว่าด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลขององค์กร ร่วมสร้างประโยชน์และคุณค่าให้แก่สังคมและประเทศชาติใน4 ด้านอันเป็นพื้นฐานหลักที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งการศึกษา การเกษตร สาธารณสุขและการพัฒนาส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Digital for thais” เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายของภาครัฐ

แกนหลักสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาประเทศคือด้านสาธารณสุขชุมชน ซึ่งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ถือเป็นบุคลากรสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการทำงาน เอไอเอส จึงได้พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเข้าไปส่งเสริมงานด้านสาธารณสุขผ่าน “ แอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ” เครือข่ายสังคมออนไลน์เฉพาะกลุ่ม เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขชุมชนเชิงรุกของหน่วยบริการสุขภาพ รพ.สต.และอสม. ด้วยการสื่อสารข้อมูล ภาพ เสียง วิดีโอ ข้อความ และพิกัดแผนที่ ระหว่างสมาชิกในเครือข่าย เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสาร และเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวด้านสาธารณสุขภายในชุมชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ฉับไว ถูกต้อง แม่นยำ และทันต่อสถานการณ์ในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชนทั่วประเทศ


ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมศักยภาพของอสม.ให้มีความรู้ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในงานสาธารณสุขชุมชนเชิงรุกผ่านแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ เพื่อก้าวไปสู่ อสม.ยุค 4.0 เอไอเอส จึงได้ร่วมมือกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)จัดโครงการประกวดการใช้งานแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2โดยเชิญชวนหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิที่มีเครือข่ายอสม.ทุกแห่งทั่วประเทศเข้าร่วมประกวดเพื่อรับเงินรางวัลสนับสนุน “ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข” มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาทโดยแบ่งรางวัลเป็นระดับ ได้แก่ รางวัลดีเด่นระดับประเทศ รางวัลละ 100,000 บาท จำนวน 10 รางวัล และรางวัลดีเด่นระดับจังหวัด รางวัลละ 40,000 บาทจังหวัดละ รางวัล เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่มิถุนายน– 31กรกฎาคม2561


สำหรับเกณฑ์การตัดสินจะพิจารณาจากจำนวนการใช้แอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ ระหว่างวันที่ สิงหาคม–30 พฤศจิกายน 2561และรายงานเชิงคุณภาพจากการนำแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ไปใช้ในการดูแลสุขภาพประชาชน ซึ่งจะประกาศผลผู้ได้รับรางวัลในวันที่ 25 ธันวาคม 2561สำหรับหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ และรพ.สต.ที่สนใจเข้าร่วมประกวดฯ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.ais.co.th/aorsormorและFacebook Fanpageอสม.ออนไลน์ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่โทร.06 2520 1999
----------------------------------------------------------------------------------

              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอสอิทธิเดช ศุขดวง โทร 061426 4194 


 ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์  รายงาน
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

กระทรวงศึกษา พบทุจริต สพฐ อื้อ เขตพื้นที่ เรียกเงินทอนจากโรงเรียน




           ที่ปรึกษา รมว.ศธ.สรุปผลลงพื้นที่ภาคอีสานพบทุจริตเขตพื้นที่เรียกเงินทอนจากโรงเรียน และตั้งฎีกาเบิกงบซ้ำซ้อน รวมถึงจัดซื้อครุภัณฑ์การศึกษามีการสอดไส้รายชื่อโรงเรียนเพียบ จ่อ ตั้งคณะ



            กรรมการสอบวินัยฯ วันนี้ (30 พ.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการเดินหน้าตรวจสอบทุจริตของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ตามที่ตนได้มอบหมายให้ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ.ลงพื้นที่ 11 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อตรวจสอบเรื่องทุจริตต่างๆในพื้นที่ ซึ่ง พล.ท.โกศล ได้สรุปรายงานของการลงพื้นที่ดังกล่าวมาให้ตนรับทราบแล้ว ซึ่งพบโครงการทุจริตต่างๆของเขตพื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบางเคสมีความผิดชัดเจนไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยทันที

            ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาทุจริตของศธ.หลายฝ่ายมาร้องเรียนกับทีมงานตน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทีมของตนมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างแท้จริง ดังนั้นจะต้องมองกลับไปว่าฝ่ายข้าราชการประจำและระบบตรวจสอบของ สพฐ.เองมีปัญหาหรือไม่ และตนยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการสืบสวนทีมตนใช้เวลาไม่นาน แต่เรื่องทุกอย่างกลับไปติดกระบวนการที่ สพฐ.ดังนั้นจะต้องได้รับการแก้ไขและมีจะต้องมีผู้รับผิดชอบ “กรณีทุจริตในภาคอีสานอย่างกรณีขอให้ตรวจสอบเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดยโสธร เนื่องจากมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ชุด อุตสาหกรรม ในงบประมาณ 600,000 บาทต่อโรงเรียนว่ามีล็อคสเปคนั้น เรื่องนี้ถือไม่เป็นไปตามนโยบายของผม เพราะการดำเนินการแบบนี้

             จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นลักษณะเหมือนเงินท็อปดาวน์ ซึ่งครุภัณฑ์ซื้ออุปกรณ์พัฒนาทักษะพิเศษเท่านั้นไม่ใช่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีโรงเรียนหลายแห่งไม่ต้องการ และผมมีคำถามว่าชุดพัฒนาทักษะมีเฉพาะแค่ในกลุ่มภาคอีสานเพียงอย่างเดียว และในพื้นที่ภาคใต้หรือภาคอื่นๆไม่ต้องการด้วยใช่หรือไม่ ดังนั้นเรื่องนี้ สพฐ.ต้องมีการตรวจสอบโดยเร็ว เพราะข้อมูลชัดเจนแล้วว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้น อย่ามาอ้างว่ากลัวงบประมาณจะตก ถ้างบจะตกก็ให้มันตกไป คนที่ทำให้ตกก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไปสำรวจแล้วชุดพัฒนาทักษะดังกล่าวมีความจำเป็นจริงๆผมจะทำเรื่องเสนองบสำนักงบฯให้” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว




            ด้าน พล.ท.โกศล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคอีสานเราพบประเด็นสำคัญ คือ มีเจ้าหน้าที่พัสดุในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 5 วางฎีกาเบิกเงินซ้ำซ้อนกับเงินของโรงเรียน โดยโรงเรียนแรกโดนไป 80,000 บาท และอีกโรงเรียนโดนไป 300,000 บาท ซึ่งมีการใช้ข้อมูลร้านค้าที่โรงเรียนวางฎีกาเบิกเงินด้วยการเปลี่ยนชื่อร้าน ซึ่งร้านที่โรงเรียนใช้อยู่ที่จ.นครราชสีมา แต่ร้านถูกเปลี่ยนในระบบอยู่ที่จ.สมุทรสาคร เหมือนกันทั้งสองโรงเรียน นอกจากนี้ยังพบมีการทำฎีกาลอยเบิกงบประมาณ 57 รายการทิ้งไว้ที่เขตพื้นที่ด้วย เมื่อใกล้สิ้นปีงบประมาณจะมีงบเหลือจ่ายกลุ่มคนเหล่านี้จะใช้ฎีกาลอยที่ตั้งไว้เบิกเงินของโรงเรียนซ้ำเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องเรียนจากผอ.โรงเรียนและตนบันทึกปากคำไว้หมดแล้ว จึงถือว่ามีพยานหลักฐานและความผิดชัดเจน และการลงพื้นที่ของตนถือว่าเป็นการสืบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะสรุปและเสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงทันที เพราะตนเห็นว่าเขตพื้นที่มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว แต่เมื่อดูสำนวนกลับไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ตนได้รับ ซึ่งในสำนวนสรุปให้เจ้าหน้าที่พัสดุโดนภาคทัณฑ์และขอให้ยุติเรื่องนี้ โดยเรื่องนี้มีมูลเหตุมากกว่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุจะทำเองคนเดียวไม่ได้ เนื่องจากการเบิกจ่ายจะต้องมีรหัส e-GP คือระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเลคทรอนิกส์ และรหัสดังกล่าวมีเพียงหัวหน้าแผนกบัญชี กับ ผอ.เขตพื้นที่ เท่านั้น

             ที่ปรึกษา รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมของผู้บริหารเขตพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์มีการเรียกเปอร์เซนต์จากผู้อำนวยการโรงเรียนที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณ 10% โรงเรียนต้องจ่ายก่อน 5% เมื่อได้รับงบแล้วต้องจ่ายอีก 5% ซึ่งโรงเรียนส่วนใหญ่ต้องยอม เพราะถ้าไม่ให้โรงเรียนก็จะไม่ได้รับงบประมาณในปีนั้น ซึ่งการดำเนินการแบบนี้ทำเป็นเครือข่าย แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีการตกเขียวเงินงบประมาณ โรงเรียนใดอยากได้งบประมาณก็ต้องเอาเปอร์เซ็นต์มาก่อนปี 62 เรื่องนี้เรามีหลักฐานชัดเจน คงต้องเร่งให้ สพฐ.ดำเนินการตรวจสอบต่อไป

              ขณะเดียวกันยังพบอีกว่าเมื่อเดือนมี.ค.มีคนมาร้องเรียนกับคณะทำงานของตนว่า ขอให้ตรวจสอบเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดยโสธร เนื่องจากมีการจัดซื้อครุภัณฑ์ทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ชุด อุตสาหกรรม ในงบประมาณ 600,000 บาทต่อโรงเรียนว่ามีการล็อคสเปค ดังนั้นในการลงพื้นที่ของตนเมื่อเร็วๆนี้จึงไปหาข้อมูลพบว่า งบประมาณดังกล่าวแจ้งเป็นการจัดสรรงบประมาณครุภัณฑ์การศึกษาปี 61 เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.60 มีโรงเรียนได้รับการจัดสรรรวม 458 โรง งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 279 ล้านบาท แต่ภายหลังเมื่ออนุมัติงบฯพบว่า เพิ่มโรงเรียนการขอจัดสรรมาเป็น 600 โรง ซึ่งไม่ตรงกับตัวเลขโรงเรียนที่จัดสรรไป อีกทั้งยังพบว่าโรงเรียนไม่ได้ต้องการครุภัณฑ์ดังกล่าวแต่มีการจัดสรรมาให้เอง และโรงเรียนบางแห่งเสนอครุภัณฑ์มาให้แต่ไม่ตรงกับที่เสนอ และในกรณีนี้มีบริษัทเข้ามาจัดซื้อจัดจ้างแต่ขั้นตอนการจัดสรรงบกลับเปลี่ยนรายการจึงต้องจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ซึ่งงบดังกล่าวจะต้องใช้ให้เสร็จภายในวันที่ 31 พ.ค.61 นี้ ซึ่ง สพฐ.จะต้องไปเร่งพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อหรือหยุด เพราะการดำเนินการแบบนี้เหมือนลักษณะแบบท็อปดาวน์ลงไป



 ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์  รายงาน
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

ปปช.เตรียมระบบสอบทรัพย์สิน ข้าราชการ ทั่วประเทศ


           

        ปปช. เร่งเตรียมพร้อมระบบตรวจสอบทรัพย์สินข้าราชการทั่วประเทศ ตามกฏหมายใหม่ คาด ชัดเจนภายในปีนี้อาจใช้ระบบยื่นผ่านอิเลคทรอนิกส์

          พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)กล่าวว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อรับมือกับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของข้าราชการทั่วประเทศจำนวนกว่า 3 ล้านคน ที่กฎหมายใหม่บังคับให้ข้าราชการทุกคนต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้บังคับบัญชา โดยอยู่ระหว่างการเรียงลำดับความสำคัญของกลุ่มราชการที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินก่อน ซึ่งเบื้องต้นอาจจะเป็นกลุ่มผู้ที่บังคับใช้กฎหมาย กลุ่มที่มีอิทธิพล มีความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของความโลภและการทุจริต เช่น ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เป็นต้น จึงต้องคิดระบบ Big Data เพื่อรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ โดยอาจให้ข้าราชการทุกคนยื่นผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งจะง่ายต่อการเปรียบเทียบความมีอยู่จริงของทรัพย์สิน ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้



 ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์  รายงาน
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

สุพรรณบุรี กอ.รมน.ร่วม ศูนย์ดำรงธรรม ตรวจสอบทุจริต เงินกองทุนหมู่บ้าน บ้านสามเหลี่ยม



          วันทีี่ ๓๐  พฤษภาคม  พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๐๙.๐๐ น. กอ.รมน. จังหวัด ส.พ.   พ.อ. เสน่ห์  บำรุงกิจ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ส.พ.(ท) มอบหมายให้ ร.ท. ธง สุวิโรจน์ จนท.ยุทธการ กอ.รมน.จังหวัด ส.พ.ลงพื้นที่ร่วมกับ นายพงษ์เทพ รุ่งเรื่อง หน.กลุุ่มงานยุทธศาสตร์ ฯ นางทันทิพา ทิพวรรณ พัฒนาการ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี นายไมตรี ศรีเทพ ผู้แทนศูนย์ดำรงธรรม จังหวัด นางธนพร เพ็ญสุต นักวิชาการพัฒนาชุมชน นางสาว ศุภานัน เชื้อทอง เจ้าหน้าที่ สทบ.ฯ นางสาวกองแก้ว ห้วยหงษ์ทอง ตรวจสอบติดตามข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ณ บ้านสามเหลี่ยม หมู่ที่ ๔ ตำบลบ้านดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมือง ฯ จังหวัดสุพรรณบุรี   การปฏิบัติเก็บเอกสารและหยุดการปล่อยกู้จนกว่าคณะกรรมตรวจสอบเสร็จสิ้น

 




            การลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน ด้วยมีกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง บ้านสามเหลี่ยม หมู่ ๔ ตำบลดอนโพธิ์ทอง  เมืองสุพรรณบุรี รวมตัวกันทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ส.พ.ว่า ประธานกองทุนหมู่บ้านฯปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นธรรม และโปร่งใสมีการไม่ปฏิบัตตามระเบียบของกองทุนฯ ทำให้เงินหายเป็นบางบัญชี จังหวัดสุพรรณบุรีจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบประธานกองทุนฯและกรรมการกองทุนหมู่บ้าน จำนวน ๘ ราย



 
 


อำนวย  เดชทองคำ  ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์  รายงาน
เรวัติ  น้อยวิจิตร  Hub Admin rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445