หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

เปิดตำนานการรักษา " การฝังเข็มรมยา " ต้นตำรับแพทย์แผนจีนโบราณ

 


              พจ.สุกิจ นราธนากร แพทย์จีนบัณฑิต คณะวิทยาลัยแพทย์ทางเลือก สาขาแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม และ มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ประเทศจีน เปิดตำนานการรักษา " การฝังเข็มรมยา " ต้นตำรับแพทย์แผนจีนโบราณ


  



              วันที่ 29 เมษายน 2556 เวลา 13.00 น. ผม เรวัติ น้อยวิจิตร ในนาม สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม ได้มีโอกาสเข้าร่วมสังเกตการณ์การรักษาพยาบาล ตามวิถีการแพทย์ทางเลือก " การฝังเข็มรมยา " ต้นตำรับแพทย์แผนจีนโบราณ โดย พจ.สุกิจ นราธนากร แพทย์จีนบัณฑิต คณะวิทยาลัยแพทย์ทางเลือก สาขาแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม และ มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ประเทศจีน



   


                พจ.สุกิจ นราธนากร เปิดเผย การฝังเข็ม คือ การแทงหรือปักเข็มลงไปบนจุดฝังเข็มตามร่างกาย ซึ่งจุดฝังเข็มอยู่บนเส้นลมปราณโดยใช้หลักการตรวจวินิจฉัยตามกลุ่มอาการและการรักษาของแพทย์แผนจีน เพื่อเป็นการปรับปรุงดุลยภาพของร่างกาย โดยสามารถ กระทำร่วมกันทั้งระบบ ได้แก่ การฝังเข็มรมควัน แม่เหล็กติดใบหูบำบัด ครอบกระปุกบำบัด และ คริสตัลโบวล์ โดยในวันนี้ จะมีการบำบัด ทั้งระบบให้กับผู้ป่วย 5 ราย ได้แก่ นางบุญช่วย กำมณี เจ้าของ ร้านวัสดุก่อสร้าง และ เต้นท์รถยนต์มือสอง วัย 62 ปี จาก ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี นางศรีสุภาพร มงคลสวัสดิ์ ข้าราชการครูบำนาญ วัย 59 ปี จาก โรงเรียนวัดศรีษะเกษ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายมนต์ศักดิ์ เอกวงษ์ นายช่างโยธาอาวุโส วัย 48 ปี จาก ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี นายสมนึก เอกวงษ์ วัย 49 ปี จาก นครราชสีมา และ นางทองหลอม เอกวงษ์ วัย 76 ปี จาก นครราชสีมา ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 5 ราย ได้อนุญาต ให้มีการบันทึกภาพนิ่ง และ บันทึกเสียงการสนทนา ในขั้นตอนการสัมภาษณ์สด


   


                 นางบุญช่วย กำมณี บ้านเลขที่ 159 หมู่ 3 ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เจ้าของ ร้านวัสดุก่อสร้าง และ เต้นท์รถยนต์มือสอง วัย 62 ปี จาก ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี เปิดเผย ตนเองป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ มา 7 เดือน มีอาการ ชาตามมือ เท้า และ ริมฝีปาก เดินไม่สะดวก รักษาพยาบาล ตามสถานพยาบาล ทั่วไปมาหลายแห่ง อาการไม่ดีขึ้น จนได้รับการแนะนำ จาก อาจารย์ศรีสุภาพร มงคลสวัสดิ์ ให้มาทดลองใช้วิธีการบำบัดแบบการแพทย์ทางเลือก ด้วยวิธีการ ฝังเข็มรมควัน กับ คุณหมอสุกิจ นราธนากร ที่ โรงพยาบาลศุภมิตร จ.สุพรรณบุรี ซึ่ง คุณหมอ ได้ใช้วิธีการรักษาพยาบาล แบบ ฝังเข็ม ร่วมกับ การครอบกระปุก รมยา และ แม่เหล็กติดใบหู ให้ ปัจจุบัน อาการโดยรวมถือว่า เป็นปรกติดี ทานข้าวได้ อาการชา ตามมือ เท้า และ ริมฝีปาก หายไป เดินได้คล่องเป็นปรกติ เลือดลมดี หน้าตาสดใส เลือดสูบฉีดดีขึน ฝังเข็มมาได้ประมาณ 10 ครั้ง เริ่มเห็นผล ตั้งแต่ประมาณ ครั้งที่ 3 ก็รู้สึกได้ว่า ได้ผลดี



  


            อาจารย์ศรีสุภาพร มงคลสวัสดิ์ บ้านเลขที่ 13/14 หมู่บ้านจารนัย 2 ถ.พันศรโยธา ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ข้าราชการครูบำนาญ วัย 59 ปี จาก โรงเรียนวัดศรีษะเกษ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า .. ตนเอง ปวดหัว ปวดที่บ่า ปวดที่ต้นคอ ปวดมาก ปวดมานาน รักษาตัวมาหลายที่ หลายสถานพยาบาล ฝังเข็มก็ไปทำมาหลายที่ นวดตัว นวดคอ นวดบ่า ก็ไม่หาย จนมีเพื่อนครู แนะนำให้ลองมาใช้บริการ ที่ฝ่ายแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลศุภมิตร พบแพทย์สุกิจ นราธนากร เหมือนเป็นโชคของเรา คุณหมอฝังเข็มให้ได้ไม่กี่ครั้ง อาการปวดหัว และ ปวดตามร่างกาย ก็หายไป เลือดลมดี เหมือนกระแสการไหลเวียนของเลือดจะดีขึ้น ผมที่เคยร่วง ก็ไม่ร่วง และดูเหมือนว่าจะดกดำขึ้น ปัจจุบันยังคงฝังเข็มอยู่ เพื่อการลดพุงที่หน้าท้อง ทำมาได้ 3-4 เดือน ลดน้ำหนักไปได้ประมาณ 6 กก. จากเดิมน้ำหนัก 62 กก. ปัจจุบันเหลือ 57 กก. จึงมั่นใจว่าของเขาดีมาก เลยแนะนำ เพื่อนๆที่ ป่วยไข้ ในหลายๆโรค ให้มาทดลองใช้บริการดู ปรากฎว่า ได้ผลทุกราย ทั้ง อาก๋อย คุณมาลัย พลายจิตร คนข้างวัดป่าฯ อาจาย์สุวรรณา ประเสริฐศรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 พี่กุ้ง สมทรง เกตุเชื้อชัย ครู โรงเรียนวัดประชุมชน และ ครอบครัว คุณมนต์ศักดิ์ เอกวงษ์ ทั้ง พี่ชาย คุณแม่ มากันจาก โคราช เลยทีเดียว


 

      


            นายมนต์ศักดิ์ เอกวงษ์ ที่อยู่ ตามทะเบียนบ้าน เลขที่ 47/1 หมู่ 14 ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี นายช่างโยธาอาวุโส จาก ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี ปัจจุบัน อายุ 48 ปี คุณมนต์ศักดิ์ เล่าว่า . ตนเอง เป็นโรคสมองฝ่อ มาตั้งแต่อายุ 38 ปี บวกกับโรคความจำเสื่อม แพทย์บอก โรคสมองฝ่อเป็นแบบ กึ่งกรรมพันธุ์ พี่น้อง 4 คน เป็น 3 คน และจะเป็นที่เส้นของการทรงตัว ทำให้เดินไม่คล่อง มีอาการปากสั่น ความดันสูง ประกอบ คุณหมอสุกิจ เปิดใจ .. พบกันครั้งแรก รู้สึกกังวลใจ กับ เคสนี้มาก เพราะเป็นมา 10 ปี และเป็นมาก เกรงว่าจะต้องใช้เวลา ในการบำบัดนาน เริ่มมาครั้งแรก เมื่อ 24 มกราคม 2556 เราใช้การบำบัดรักษา ชนิดเต็มรูปแบบ คือรักษา จันทร์ พุธ ศุกร์ มีฝังเข็ม ครอบกระปุก ติดแม่เหล็กที่ใบหู และ กินยาจีน เคสนี้ ทำไปแล้ว 35 ครั้ง ประสบความสำเร็จดีมาก จนเจ้าตัวกลับไปพาญาติพี่น้องที่ นครราชสีมา มาทำการรักษา ด้วยที่นี่ มีคุณแม่ พี่ชาย



 


               พจ.สุกิจ นราธนากร เปิดใจ .. ทางเราหวังผลด้านการรักษา มากกว่าการสร้างรายได้ เพราะคนไข้ส่วนใหญ่ ที่มาหาเรา เชื่อว่าเราจะสามารถ บำบัด ความเจ็บปวด ให้ผ่อนคลาย และ หายไปได้ ในระยะเวลาไม่นานนัก ทางเราจึงมุ่งเน้น การมอบสิทธิประโยชน์ที่ดี และ เต็มรูปแบบให้โดยไม่คำนึงถึงระยะเวลา ในการบำบัดรักษา อย่างคุณมนต์ศักดิ์ เอกวงษ์ มาพบเรา 3 เดือน เราบำบัดให้ไป 35 ครั้ง แบบเต็มรูปแบบ และ ได้ผลดี จนเจ้าตัว ไปรับญาติพี่น้องมารักษาที่นี่ ซึ่งพวกเราภูมิใจ กับ คนไข้รายนี้มาก 



   

 
 

 

 

 


 
  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

   

             ใช้บริการการรักษา ได้ที่ โรงพยาบาลศุภมิตร โทร 035-500283 -8 แพทย์จีนสุกิจ นราธนากร วันทำการ อังคาร - ศุกร์ เวลา 09.00 -15.00 น. อังคาร พุธ พฤหัสบดี ทำนอกเวลา 16.00 - 20.00 น


    . เรวัติ น้อยวิจิตร สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445 

 ข้อมูลเพิ่มเติม การฝังเข็ม *** http://www.suphaninsure.com/wizContent.asp?wizConID=62963&txtmMenu_ID=7 การครอบกระปุก *** รมยา *** แม่เหล็กติดใบหู *** คริสตัลโบวล์ *** มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม http://www.chandra.ac.th/th/index2.php มหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ประเทศจีน http://www.xmuoec.com/thai/website.aspx?website_id=161&language=en

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม

มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ จ่ายเงินเยียวยา เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมคณะเดินทางตรวจจุดเกิดเหตุสะพานเคเบิ้ล คนเดินข้าม หมู่ที่5 -6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา พังถล่ม ซึ่งเป็นสะพานลวดสลิงในชุมชนที่ประชาชนใช้สัญจรเป็นทางคนเดินและจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมมอบเงินเยียวยาขั้นต้น รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ. มี นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.อยุธยา นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะพลตรีสู่ชัย บุญรัตน์ ผบ.จทบ.สบ. พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ. พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ที่นำกำลังทหารพร้อมเครื่องมือ เข้าดูแลพื้นที่อยู่ในพื้นที่ มี พ.อ.วรินทร ทานาค ผอ. รพ.ค่ายอดิศร สระบุรี นำทีมแพทย์ พยาบาล ตั้งจุดบริการเจ้าหน้าที่ และ ประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ เมื่อ 29 เม.ย.56 เวลา 09.30 น. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะเดินทางตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ สะพานเคเบิ้ล ถล่ม พร้อมกับจ่ายเงินค่าเยียวยาเบื้องต้นให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การช่วยเหลือทายาท ผู้เสียชีวิตเบื้องต้น รายละ25,000บาท หลังจากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.ท่าเรือ และ รพ.พระนครศรีอยุธยา โดยกาชาด จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วยเหลือเบื้องต้นรายละ 3,000 บาท พร้อมกับตั้งคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเกิดเหตุดังกล่าวฯ ขณะนี้ไม่มีผู้สูญหายที่ญาติได้แจ้งไว้ขณะนี้พบตัวแล้ว สำหรับผู้บาดเจ็บที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่ รพ. จำนวน 10 ราย มี รพ.บ้านหมอ จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.นายสมภพ ศรีสุวรรณ อายุ 61 ปี มีอาการข้อมือหัก 2.นายนเรศ นิรันดร์สุข อายุ 43 ปี สะโพกหัก ต้องส่งต่อ รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีทั้ง2คน และมีผู้บาดเจ็บที่ส่ง รพ.ท่าเรือ จำนวน 8 ราย มี 1.ด.ญ.กุสุมา มาคุณ อายุ 10 ปี มีอาการกระดูกต้นขาหัก ต้องส่งต่อ รพ.สระบุรี 2.ด.ญ.สุธิดา ลัดดาอ่อน อายุ 10 ปี มีเลือดออกในช่องท้องต้องส่งต่อ รพ.อยุธยา 3.น.ส.สุวนัน พวงทอง อายุ 17 ปี มีอาการทางสมอง ส่งต่อ รพ.อยุธยา 4.น.ส.กกุติยา สมอาจ อายุ 20 ปี มีอาการกระดูกต้นขาขวาหัก ต้องส่งต่อ รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 5.น.ส.รุ่งนภา แก้วสิทธิ์ อายุ 32 ปี กระดูกซี่โครงหักต้องส่งต่อ รพ มิตรภาพ สระบุรี 6.นายจักรกฤษ แก่นวงษ์ อายุ 36 ปี กล้ามเนื้ออักเสบ ญาติได้นำรักษาตัวที่ รพ.เกษมราษร์ สระบุรี สำหรับรายที่ 7 น.ส.ดวงแข นิรันดร์สุข อายุ 39 ปี กล้ามเนื้ออักเสบ และ8.นางสุดานดา ขุนช้าง อายุ32 ปี มีอาการแผลฉีกขาดที่ข้อเท้า ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ท่าเรือ จ.อยุธยา สำหรับผู้บาดเจ็บที่ต้องย้ายเข้ารักษาตัวใน จังหวัดสระบุรี นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้เดินทางไปเยี่ยม และช่วยเหลือเบื้องต้นเช่นกัน อนึ่งสำหรับรถจักรยานยนต์ที่พบในที่เกิดเหตุและนำไปไว้ที่ สภ.ท่าเรือ มีจำนวน 10 คันรอเจ้าของนำหลักฐานมารับไปได้แก่ รถจยย.ฮอนด้า ทะเบียน กพธ.407 สระบุรี,ยามาฮ่า ขจต.923 สระบุรี ,ฮอนด้า.ขจย.376 สระบุรี ฮอนด้า ข.6302 อย.,ฮอนด้า,ขธท.5701 สระบุรี, ฮอนด้าขคษ.713.อย. กจก 577 อย.กจธ 817 สระบุรี ,จกม.996 ชลบุรีและรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีแดง-ข่าว ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

สะพาน 200 ปีข้างวัดสะตือ ท่าเรือ อยุธยา ถล่ม ตาย 4 เจ็บ 23

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.56 เวลา 17.15น.ได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์ วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุสะพานแขวน (เคเบิ้ล) บริเวณวัดสะตือ พุทธไสยาสน์ หมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา สลิงขาด ถล่มลงมา มีผู้บาดเจ็บและเสียชิวิต จำนวนมากเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสะพานแขวนลวดสลิงข้าม ระหว่างชุมชน เพื่อให้ประชาชนสัญจร เป็นทางคนเดินและรถจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ลวดสลิงขาดและถล่มลงมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยา , ปอเต็กตึ้ง อยุธยา และสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน สระบุรี จ.นครนายก.จ.ปราจีนบุรีกว่า 50 คน พร้อมทั้งทหารกว่า 200 นาย มาจากจังหวัดทหารบกสระบุรี นำโดย พ.อ.นันทวุฒิ บุญญสิทธ์ .รอง เสธฯจทบ สบ. .และ พ.ท.สมพงษ์ สุขประดิษฐ์ ผบ. พัน กองพันทหารม้าที่ 17 นำกำลัง 40 นาย เข้าช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ.ได้สั่งการให้ พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ผบ.ม.พัน11 รอ.นำกำลัง กองร้อยช่วยเหลือประชาชน มี ร.อ. วรสิทธิ์ เกตุเจริญ เป็น ผบ.ร้อย นำกำลัง เข้าสมทบ ให้ความช่วยเหลือประชาชน จากการค้นหาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย 1 ดญ. ศิริญาพร เสือสมิง อายุ 10 ปี นางเกษสินี ชบาศรี อายุ 53 ปี นายณัฐวุฒิ ใจจง อายุ 24 ปี ทั้ง 3เป็นชาว ต. ท่าหลวง ส่วน นายสามารถ ญาณปัญญา อายุ 34 ปี อ.เสาไห้สำหรับ ผู้บาดเจ็บ 23 ราย แต่อยู่รักษาตัว กระจายอยู่รพ.ใกล้เคียง 13 ราย และอยู่ระหว่างค้นหาผู้สูญหายตามที่รับแจ้งจากญาติ อีก 1 คน อย่างไรก็ตาม ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า สะพานแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จไม่ถึงปีกำหนดในสัญญา เมื่อ ก.ค.55 ซึ่งจะกำหนดการสิ้นสุดสัญญาประกัน ประมาณ เดือน ก.ค.57 และเคยปิดซ่อมเพราะสาเหตุเอียงมาแล้วเมื่อ 4 เดือนก่อนและเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา เริ่มเอียง แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าซ่อมแซม จนเกิดเหตุพังถล่มดังกล่าวขึ้นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จักรยานยนต์เสียหายอีก 7 คัน เดิมสะพานแห่งนี้เป็นสะพานเหล็กสร้าง มาตั้งแต่ ปี 2525 ในวาระฉลองกรุงรัตน์โกสินธิ์ ครบ 200ปี พึ่งมีการรื้อถอนแล้วสร้างใหม่เป็นสะพานแขวน (เคเบิ้ล ) แต่ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ งบประมาณ ปี 54 จาก อบจ.อย .และงบเทศบาลต.ท่าหลวง วงเงินก่อสร้าง 8290,000 บาท กว้างประมาณ 2.20 เมตร ยาว 111 เมตร สัญญา รับประกันเมื่อ 23 ก.ค.55สิ้นสุด 23 ก.ค.57 คนธรรมดา ม้าตัวเดียว;

ล่อซื้อยาบ้าแถมปืน‏

พ.ต.อ.สุทธิ พวงพิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อม พ.ต.ท.นิมิตร ล้านคำ ร.ต.อ.ชัจจ์ชัย เฉลี่ยสมบรูณ์ ร.ต.อ.ศิริชัช อรุณเกล้า ด.ต.ประสิทธิ์ กลัดแก้ว ด.ต.นิรันดร์ สาลีผล ชุดปฎิบัติการ ศพส.ภ.จว.สุพรรณบุรี นำกำลังส่งสายเข้าล่อซื้อยาบ้า จากนางสาวเรณู พงษ์สุทัศน์ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 40 ม.4 ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และนายณรงค์ ชาวบ้านดาบ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 35/1 ม.4 ต.ทัพหลวง อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ พร้อมของกลางยาบ้า 1,000 เม็ด เงิน ล่อซื้อ 11,250 บาท จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 135 ม.2 ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้ทำการจับกุม นายประจวบ อินทะโชติ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.7 ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อม 1.อาวุธปืนพกสั้นออโตเมติก ยี่ห้อ โคลท์ ขนาด.38 ซูปเปอร์ จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 8 นัด ซองกระสุน 1 อัน โดยพบซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์กระบะที่นายประจวบ ขับเข้ามาในบ้านเลขที่ 135 ม.2 ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ที่เจ้าหน้าที่ตพรวจกำลังทำการล่อซื้อจับกุมยาบ้าอยู่ แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่งกระสุนปืนโดยในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืน จากนั้นนำตัวส่ง ร.ต.ท.สยาม สวนอินทร์ พงส.สภ.อู่ทอง ดำเนินคดีต่อไป mongkon711@hotmail.com

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ครบรอบ 63 ปี พิธีราชาภิเษกสมรส .. ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเข้าพิธีราชาภิเษกสมรส กับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันศุกร์ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ครั้นได้เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 10.00 นาฬิกา หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงพาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ที่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย จากนั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ลงนาม ซึ่งขณะนั้นมีชนมายุเพียง 17 ปี หม่อมเจ้านักขัตรมงคล จึงทรงลงพระนามในฐานะพระบิดา และหม่อมหลวงบัวลงนามในฐานะพระมารดา แล้วทรงโปรดให้ราชสักขีลงนามเป็นลำดับต่อไป จากนั้น10.30จึงเสด็จขึ้นประทับ ณ ห้องพระราชพิธีบนพระตำหนัก เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพแด่สมเด็จพระพันวัสสาฯ แล้วสมเด็จพระพันวัสสาฯทรงถวายน้ำพระมหาสังข์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประทานน้ำพระมหาสังข์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามโบราณราชประเพณี แห่งการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส จากนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเจิมพระนลาฎพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเจิมหน้าผากหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามลำดับ หลังจากที่ทรงเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เสด็จพระราชดำเนินยังห้องรับแขกอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่สองแถวในห้องรับแขกของวังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เมื่อจบคำประกาศของอาลักษณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์แด่สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เนื่องในการอันเป็นมหามงคลครั้งนี้ด้วย จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์และพระประยูรญาติใกล้ชิด ได้ทูลเกล้าฯถวายของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ซึ่งพระองค์ก็ได้พระราชทานของที่ระลึกเป็นการตอบแทน คือ หีบเงินขนาดเล็ก มีตราจักรีคล้องกันอยู่เบื้องกลางระหว่างอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภ.อ.และอักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินกลับที่ประทับ ครั้นได้เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 15.30 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เสด็จออก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ประทับเหนือพระราชอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อได้เวลามหามงคลฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร ทรงรับฉันทานุมัติให้กล่าวถวายพระพรในนามของพระบรมวงศานุวงศ์ และจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรอยู่ เมื่อกล่าวจบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์เสด็จขึ้น ชาวพนักงานประโคมแตร และกลองมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อเสร็จการพระราชพิธีแล้ว สมเด็จพระราชินีได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานโดยทางรถไฟไปยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ เป็นเวลา 5 วัน ขอทั้ง ๒ พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน http://www.oknation.net/blog/nfedlion/2013/04/28/entry-1 เรวัติ น้อยวิจิตร สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445