หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมุทรสาคร นักดนตรีไทยทั้ง 3 อำเภอ กว่า 300 คนรวมพลังบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์




            สมุทรสาคร นักดนตรีไทยทั้ง 3 อำเภอ กว่า 300 คน ได้มารวมพลังบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ และ ขับร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช











             วันนี้ (30 ตุลาคม 2559) เวลาประมาณ 17.49 น. ที่บริเวณริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นักดนตรีไทยทั้ง 3 อำเภอในจังหวัดสมุทรสาครกว่า 300 คน ได้มารวมพลังบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ และ ขับร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับการบรรเลงดนตรีไทยในครั้งนี้ เป็นการร่วมมือรวมใจของคุณครู นักเรียน นักศึกษา นักดนตรีอิสระ และประชาชนทั่วไป ที่รักและศรัทธาในดนตรีไทย โดยบรรยากาศการบรรเลงเพลงดนตรีไทย เป็นไปด้วยความโศกเศร้า 











           แต่มารวมตัวกันด้วยใจที่รักต่อในหลวง ในขณะที่บรรเลงและขับร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี” นั้น ปรากฏว่ามีเมฆฝนมืดครึ้มปกคลุมไปทั่ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจแห่งความจงรักภักดีของชาวดนตรีไทยจังหวัดสมุทรสาคร จะถอยร่นหนีไป ทุกคนต่างนั่งบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีต่อไปด้วยเครื่องคนตรีไทยที่ตัวเองถนัด











          ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ทำหน้าที่ขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีจนจบเพลง โดยมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมได้รวมกันขับร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีต่อพสกนิกรชาวไทย ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย












ยุทธนัย อังกิตานนท์  บรรณาธิการ นสพ.เสียงประชา   รายงาน
เรวัติ น้อยวิจิตร   Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

นสพ.บีทีเคนิวส์ สวดพระอภิธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ณ วัดบ้านอ้อย จ.สระบุรี



           กองบรรณาธิการ นสพ.บีทีเคนิวส์ ผู้สื่อข่าว นสพ.พลังชน ประจำจังหวัดสระบุรีเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ






            เมื่อ29 ต.ค.59 เวลา 19.30 น.กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บีทีเคนิวส์ นำโดยจ.ส.อ.สุประวีณ์  บุญธิคำ  ผู้อำนวยการ/บรรณาธิการ นสพ.บีทีเคนิวส์ ผู้สื่อข่าว นสพ.พลังชน ประจำจังหวัดสระบุรี และนายธนัญชัย เอมชนานนท์ ที่ปรึกษา นสพ.บีทีเคนิวส์  เป็นเจ้าภาพ สวดพระอภิธรรม และนั่งสมาธิจิตภาวนา เพื่อ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ร่วมกับประชาชนชุมชนวัดบ้านอ้อย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้  ณ วัดบ้านอ้อย อ.เมือง จ.สระบุรี







    (คนธรรมดา   ม้าตัวเดียว)
เรวัติ น้อยวิจิตร   Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

สุพรรณบุรี ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้มจับ ขายลอตเตอรี่ เกินราคา



            ที่ จ.สุพรรณบุรี พ.ต.รัชเดช น้าประเสริฐ ผู้บังคับหมวด บก.ควบคุมกองกำลังรักษาความสงบ มณฑลทหารบกที่ 17  (ผบ.ผบ.มว.รส.มทบ.17 ) นำกำลังสนธิเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบแผงขายลอตเตอรี่ ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี พบบรรดาพ่อค้า แม่ค้าจำนวนมาก ขายลอตเตอรี่เกินราคา โดยเฉพาะลอตเตอรี่ที่จัดเป็นชุดนั้นจะขายคู่ละ 94 บาทซึ่งเกินราคาที่รัฐบาลกำหนดถึง 14 บาทส่วนลอตเตอรี่ ที่ขายเดี่ยวก็จะขายราคาปกติ ส่วนเลขดัง เลขมงคล จะขายกันถึงคู่ละ 150  บาท




              โดยบรรดา พ่อค้า แม่ค้า ที่ขายลอตเตอรี่ ต่างครวญเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องยอมรับสภาพถ้าถูกจับว่าไม่รู้จะทำยังไงเนื่องจากรับลอตเตอรี่จากยี่ปั๊วมาในราคาสูง ถ้าขายตามราคาที่รัฐบาลกำหนดก็ไม่เหลืออะไร จึงอยากฝากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาที่ต้นตอพวกตนเป็นแค่คนขายรายเล็กๆ ขอกำไรแค่พอเลี้ยงครอบครัว และบางรายเคยถูกจับมาแล้วแต่ยังขายเกินราคาเนื่องจากไม่รู้จะทำยังไง



                พ.ต.รัชเดช น้าประเสริฐ ผู้บังคับหมวด บก.ควบคุมกองกำลังรักษาความสงบ มณฑลทหารบกที่ 17 กล่าวว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบการลอตเตอรี่เกินคาราตามแผงขายต่างๆ หากพบก็จะเชิญตัวไปสอบถามถึงที่มาของลอตเตอรี่ว่ารับมาจากที่ไหนเพื่อรวบรวมข้อมูลส่งหน่วยเหนือให้ดำเนินการต่อไปในส่วนของ จ.สุพรรณบุรี จากการตรวจสอบพบมีการขายเกินราคาจำนวนมากจึงได้ส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฏหมายต่อไป





   ภัทรพล  พรมพัก/สุพรรณบุรี
เรวัติ น้อยวิจิตร   Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

สุพรรณบุรี กระบะรับซื้อของเก่าเบรกแตกชนประสานงา จยย.ตกคลองดับ



            เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 31 ต.ค. พ.ต.ท.ประพันธ์ จำปานวน  สว.(สอบสวน ) สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุรถชนกันมีคนเจ็บและเสียชีวิต ที่ถนนเลียบคลองชลประทานสายบ้านสามนาค-สวนแตง หมู่ 7 ต.ดอนกำยาน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ เวร รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง พบรถกระบะยี่ห้อนิสสันสีขาว ทะเบียน บย 1267 สุพรรณบุรี เสียหลักหน้ารถจมอยู่ในคลอง ที่กระบะท้ายมีถุงปุ๋ยวางอยู่ และร่างนายภูริช โสภา อายุ 23 ปีอยู่บ้านเลขที่ 215 หมู่ 9 ต.สระแก้ว อ.เมืองสุพรรณบุรี  จ.สุพรรณบุรี เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าอยู่ในกระบะท้ายเจ้าหน้าที่จึงใช้รถยกนำขึ้นมาตรวจสอบหน้ารถมีรอยชนยุบ พบสภาพใบหน้า ลำตัวและขาทั้งสองข้างมีแผลฉีกขาด ที่ริมคลองมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ทะเบียน 2 กจ 7109 กรุงเทพ สภาพหน้ารถพังยับและยังมีหมวกกันน็อค และกล่องใส่ของ ของผู้ตายตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และรีบนำร่างนายกิตติ เหล็กกล้า อายุ 29 ปีคนขับรถกระบะซึ่งได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ใบหน้าทีแผลถูกสะเศษกระจกบาด



           จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายกิตติ  ประกอบอาชีพรับซื้อขายของเก่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถจะไปทำธุระโดยขับมาตามถนนสายดังกล่าวเพียงลำพังถึงจุดเกิดเหตุรถเกิดเสียหลักพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายภูริช  ซึ่งบรรทุกขนมแห้งจะไปส่งลูกค้า วิ่งสวนทางอย่างแรงร่างนายภูริช กระเด็นไปตกในกระบะท้ายและรถกระบะให้รถเสียหลักตกลงไปในคลองจมน้ำเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าวอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



  ภัทรพล พรมพัก/ สุพรรณบุรี
เรวัติ น้อยวิจิตร   Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

 


         มีมหาวิทยาลัยนเรศวรในวันนี้ด้วยพระบารมีแห่งองค์ภูมิพล   พระราชทานนามมหาวิทยาลัยนเรศวร

“...ตอนที่จะขอนามมหาวิทยาลัย มีการเสนอชื่อพระบรมไตรโลกนารถ และนเรศวรอีกนามหนึ่ง นามที่ ๓ คือ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ในที่สุดเบื้องบนก็เลือกนามนเรศวร จริง ๆ ถ้าจะให้เต็มยศต้องใช้ว่านเรศวรมหาราชด้วย...”
            คำกล่าวของ รองศาสตราจารย์สมคิด  ศรีสิงห์อาจารย์ยุคบุกเบิกเริ่มสอนวิชาประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ในการเสวนา “เหลียวหลัง แลหน้า ๔๔ ปี ประชาคมมหาวิทยาลัยนเรศวร” เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร


            ด้วยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นลำดับที่ ๗ ในจำนวน ๑๐ มหาวิทยาลัย...ย้อนไปเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๒๗ รัฐบาลมีมติรับหลักการที่จะยกฐานะมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพิษณุโลก ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศโดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามมหาวิทยาลัยใหม่นี้ว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๒เพื่อสดุดีและเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย์ผู้ทรงคุณูปการอันใหญ่หลวงแก่แผ่นดินไทยอีกทั้งยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีประสูติกาลและจำเริญวัยที่เมืองพิษณุโลก โดยกำหนดให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๓๓ เป็นวันกำเนิดมหาวิทยาลัย เนื่องด้วยเป็นวาระสำคัญ ครบรอบ ๔๐๐ ปีแห่งการเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช...จนถึงวันนี้เป็นเวลา ๒๗ ปีแล้วกับนามมหาวิทยาลัยนเรศวร


พระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระองค์เอง
            พระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระดำเนินปริญญาบัตรตั้งแต่ครั้งยังเป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษา ก่อนพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลกและยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวรในภายหลัง ดังคำกล่าวของรองศาสตราจารย์วนิดา บำรุงไทยศิษย์เก่ารุ่นที่ ๒ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการเสวนาเหลียวหลัง แลหน้า ๔๔ ปี ประชาคมมหาวิทยาลัยนเรศวร
“...แม้ว่าเราจะเป็นวศ.เล็ก ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระเจ้าลูกเธอเสด็จฯ มาพระราชทานปริญญาบัตร ตอนนั้นหอประชุมของเราเป็นแบบเปิดโล่ง อันที่จริงเป็นโรงอาหาร จะมีเฉพาะที่ประทับของพระองค์ท่านเท่านั้นจะได้รับความอนุเคราะห์จากห้างร้านนำแอร์มาตั้งให้ส่วนพระองค์ ซึ่งไม่ได้สะดวกสบายอะไร ด้วยความเมตตาพสกนิกรยิ่งใหญ่มาก ท่านไม่ได้มาพระองค์เดียวหรือสองพระองค์  พระเจ้าลูกเธอถ้าว่างจะตามเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีก็ตามมา เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยของเราได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่ตลอด เราจะต้องสำนึกรักในเกียรติอันยิ่งใหญ่ของเรา...”
            ภายหลังพระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรแทนพระองค์


พิพิธภัณฑ์ผ้า จากโครงการศิลปาชีพ หนึ่งในพระราชดำริ
            พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวรคือหนึ่งแหล่งเรียนรู้สำคัญด้านภูมิปัญญาผ้าทอซึ่งได้รับการสนับสนุนจากร้านจิตรลดา หนึ่งในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
แต่แท้จริงแล้วจะมีสักกี่คนที่ทราบว่าโครงการส่งเสริมศิลปาชีพหรือมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพนี้กำเนิดขึ้นจากกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๔
“…..ทุกครั้งที่เมืองไทยเกิดน้ำท่วมหรือเกิดภัยพิบัติ…ข้าพเจ้าได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำของพระราชทานไปช่วยเหลือราษฎร มักจะเห็นเครื่องอุปโภคบริโภคแล้วก็รับสั่งกับข้าพเจ้าว่า การช่วยเหลือแบบนี้เป็นการช่วยเฉพาะหน้า ซึ่งช่วยเขาไม่ได้จริง ๆ ไม่พอเพียง ทรงคิดว่าทำอย่างไรจึงจะช่วยเหลือชาวบ้านเป็นระยะยาว คือทำให้เขามีหวังที่อยู่ดีกินดีขึ้นด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเริ่มคิดหาอาชีพเสริมให้แก่ ครอบครัวชาวนา ชาวไร่ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหาแหล่งน้ำให้การทำไร่ทำนาของเขาเป็นผลต่อประเทศชาติบ้านเมืองทรงพระราชดำเนินไปดูตามไร่ของเขาทรงคิดว่านี่เป็นกำลังใจ และที่ทรงให้ข้าพเจ้าดูแลครอบครัว ก็เลยเป็นที่เกิดของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ…..”
พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒
           

ผลิตภัณฑ์ลายกระต่ายหรือตราสัญลักษณ์สีเหลือง
          พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวรมีห้องจัดแสดงสำคัญคือ ห้องพิพิธภัณฑ์ผ้าจิตรลดา ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงชุดฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดอกไม้พระนามควีนสิริกิติ์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย ผ้าไหม ของร้านจิตรลดาแล้ว ยังมีมุมจัดแสดงที่ได้รับความสนใจจากผู้มาเยี่ยมเยือนไม่น้อยไปกว่ากัน นั่นคือ ผลิตภัณฑ์ลายกระต่ายหรือตราสัญลักษณ์สีเหลือง
          ผลิตภัณฑ์ลายกระต่ายหรือตราสัญลักษณ์สีเหลืองนี้จัดทำขึ้นในโอกาสครบรอบ ๖๐ พรรษา และ ๗๒ พรรษาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สืบเนื่องจากปีพระราชสมภพของพระองค์คือปีเถาะ และสีประจำพระชนมวารวันคือ สีเหลือง ร้านจิตรลดาจึงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน เช่น ร่มและผ้าพิมพ์ลายกระต่าย ๙ อิริยาบถ, ตุ๊กตากระต่าย, เสื้อยืด, เสื้อแจ็กเก็ต, กระเป๋า, ซองแว่นตา, หมวก, เนคไท, ปกสมุด, ปกอัลบั้ม เป็นต้น
          ผลิตภัณฑ์ลายกระต่ายหรือตราสัญลักษณ์สีเหลืองเหล่านี้จัดแสดงให้ผู้สนใจเข้าชมได้ในวันและเวลาราชการ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยนเรศวร แม้จะเป็นเพียงมุมเล็ก ๆ แต่เชื่อว่ายิ่งใหญ่ในความรู้สึกของผู้ที่ได้มาชื่นชมทุกคน

            เหล่านี้คือความภาคภูมิใจ ความปลื้มปิติในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชล้นเกล้าล้นกระหม่อมชาวมหาวิทยาลัยนเรศวร และชาวจังหวัดพิษณุโลก ยังคงเป็นตำนานเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไม่มีวันจบ



 พรปวีณ์  ทองด้วง  นักประชาสัมพันธ์ 
สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน  มหาวิทยาลัยนเรศวร

สระบุรี ครอบครัว จ.ส.อ. สวัสดิ์ ชะเอมเทศ ทำบุญบรรจุอัฐิธาตุ ณ วัดบ้านอ้อย



          ครอบครัว  ชะเอมเทศ  และครอบครัว สุทธิศันสนีย์  ทำบุญบรรจุอัฐิธาตุ   จ.ส.อ.  สวัสดิ์  ชะเอมเทศ






 
            เมื่อ 30 ต.ค 59  ครอบครัว  ชะเอมเทศ  และครอบครัว สุทธิศันสนีย์  พร้อมเครือญาติพี่น้อง ลูก หลาน เหลน จัดงานทำบุญอัฐิธาตุ  ถวายเพลพระสงฆ์  ถวายผ้าป่า พร้อมเก้าอี้  ให้กับ วัดบ้านอ้อย  และมอบข้าวสารขนาด 15 กก.จำนวน  10  กระสอบ   เพื่อโครงการอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน  โรงเรียนวัดแพะโคก  ซึ่งคุณเบ็ญจรส  สุทธิศันสนีย์  เป็นตัวแทนมอบให้  ดร.สุรัตน์  สุทธิชัชวาลย์  ผอ.โรงเรียนวัดแพะโคก  อ เฉลิมพระเดียรติ จ สระบุรี   เป็นผู้รับมอบ   เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ จ.ส.อ.  สวัสดิ์  ชะเอมเทศ  ณ  วัดบ้านอ้อย  ถ พิชัยฯ อ  เมือง จ สระบุรี







(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)
เรวัติ น้อยวิจิตร   Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ครอบครัวผดุงตรี เป็นประธานทอดกฐิน ณ วัดโขดเขมาราม อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล



             คุณแม่ลิ้นจี่  ผดุงตรี พร้อมด้วย นายพิชัย ผดุงตรี ข้าราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯ พร้อมด้วย ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ จังหวัดใกล้เคียง ร่วม ทอดกฐินสามัคคี อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วัดโขดเขมาราม ต.บ้านขล้อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา





            วันที่  30 ตุลาคม 2559  เวลา 11.30 น.  คุณแม่ลิ้นจี่  ผดุงตรี พร้อมด้วย นายพิชัย ผดุงตรี ข้าราชการกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯ พร้อมด้วย ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ จังหวัดใกล้เคียง ร่วม ทอดกฐินสามัคคี อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วัดโขดเขมาราม ต.บ้านขล้อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา 










              นายพิชัย ผดุงตรี ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เปิดใจ เป็นข้าราชการรับใช้ในเบื้องพระยุคลบาทมาหลายสิบปี รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จึงได้ชักชวนแม่ ร่วมนำเงินที่เก็บออมมาทำบุญกฐินเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในครั้งนี้








            ด้านคุณแม่ลิ้นจี่  ผดุงตรี  ในวัย 85 ปี บอก .. สามี เคยรับราชการครู เป็นข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และเป็นคนใจบุญ เกิดอุบัติเหตุ เรือล่มขณะเดินทางมาสอนหนังสือ และ จมน้ำเสียชีวิต เนื่องจากเป็นโรคลมชัก เมื่อตอนอายุ 35 ปี ส่วนตนเองขณะนั้นอายุ เพียง 29 ปี สามีเคยชักชวนให้ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ที่วัดโขดเขมาราม มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ ลูกชาย ซึ่งเป็นข้าราชการ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มาชักชวนให้เป็นประธานทอดกฐิน  อีกครั้ง ก็รู้สึกดีใจ จึงได้นำเงินออม ที่มีอยู่มาร่วมกับลูกชาย เพื่อทอดกฐิน ในครั้งนี้












             ซึ่งในวันนี้ ได้เงินจากการทอดกฐินสามัคคี กว่า 1,600,000 บาท เพื่อนำไปทำนุบำรุงพระศาสนา ซ่อมสร้างพระวิหาร ให้กับ วัดโขดเขมาราม ต.บ้านขล้อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามพระราชปณิธาน เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนาให้ดำรงอยู่ คู่คนไทยตลอดไป













ศูนย์ข่าวท้องถิ่นออนไลน์  รายงาน
เรวัติ น้อยวิจิตร   Hub Admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445