หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กาญจนบุรี รอง ปธ.วัดเสือ เข้าพบ พงส.ให้ปากปากคำกรณีเสือหาย 3 ตัวเมื่อปี 58



           รอง ปธ.มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ด้าน ผบก.กาญจน์ เผย คดีหมีควายปี 58 อยู่ในชั้นอัยการ ส่วนคดีเสือหาย และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่เมื่อปี 58 อยู่ระหว่างสอบสวน





             เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ 10 มิ.ย.59 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง รองประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัญโน กรรมการบริษัท ไทเกอร์ เทมเพิล จำกัด เข้าพบ พ.ต.อ.สมศักดิ์ สุวรรณฉิม ผกก.(สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน)ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ ผกก.(สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน)ภ.จว.กาญจนบุรี  เพื่อให้ปากคำกรณีนายสัตวแพทย์สมชัย วิเศษชัยมงคล อดีตนายสัตว์แพทย์ผู้ดูแลเสือโคร่งของกลางที่กรมอุทยานฯฝากให้วัดป่าหลวงตาบัวฯเลี้ยงดู ออกมาเปิดโปงว่ามีการขโมยเสือโคร่งออกไปจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.และวันที่ 25 ธ.ค.57 จำนวน 3 ตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ






            พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.ภ.จวงกาญจนบุรี เปิดเผยว่ากรณีวัดป่าหลวงตามหาบัวฯมีทั้งหมด 11 คดี แยกเป็นคดีเมื่อปี 58 จำนวน 3 คดี คือคดีหมีควาย คดีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และคดีเสือหายจำนวน 3 ตัว สำหรับความคืบหน้าของคดีจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้า จำนวน 1 คดี คือคดีของหมี ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นอัยการ โดยมีพระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์เป็นผู้ถูกกล่าวหา
และมาในปีนี้ ปี 59 มีคดีอีก จำนวน 8 คดี อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานด้านเอกสาร พยานบุคคลและพยานด้านวัตถุ อีกทั้งจะต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ แสะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวกับสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่า โดย 1 ใน 8 คดีเจ้าหน้าที่ได้นำเดินคดีกับฆราวาส 2 คน และพระภิกษุ 1 รูป ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกไป แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ามีผู้ต้องหาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กำลังทำการสืบสวนสอบสวนว่าจะมีผู้ใดร่วมอยู่หรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาต่อไป ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องหลายคนและมีคดีอยู่หลายคดี และเป็นคดีที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 58 รวมทั้งเป็นคดีประเภทเหตุการณ์หลายเรื่องประกอบกันคาดว่าจะเป็นหนังยาว






             สำหรับกรณีการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.นั้นทางจังหวัดก็ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เราก็จะทำการสอบสวนรวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป ซึ่ง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ก็ได้สั่งกำชับให้ดำเนินคดีตามกฎหมายในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งเป็นคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาในรูปของคณะกรรมการใรระดับภาคและระดับจังหวัดร่วมกัน โดยระดับภาคมี พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร รอง ผบช.ภ.7 เป็นหัวหน้าทีม ส่วนระดับจังหวัดมีตนเป็นหัวหน้าทีม นอกจากนี้ยังมีรองผู้การ รวมทั้งระดับผู้กำกับ และมีคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนขยายผลเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย







             สำหรับคดีเสือหาย คดีหมี และคดีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 58 เจ้าหน้าที่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ รวมทั้งคดีเมื่อปี 59 รวมมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งหมด 2 ชุด โดยคดีเมื่อปี 58 ถือว่าไม่ได้ล่าช้าเนื่องจากเราต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และบางครั้งเราไม่สามารถเชื่อโยงได้เราจึงค่อยๆดำเนินการไป







            สำหรับคดีเมื่อปี 58 กรณีการหายไปของเสือจำนวน 3 ตัวทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ประสานไปยังอดีตนายสัตว์ผู้ที่ให้ข้อมูลมาสอบปากคำ แต่ก็ยังไม่ได้มีการนัดหมายว่าจะให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเมือไหร่ ซึ่งตนได้มอบให้ พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค เป็นผู้ดำเนินการประสาน หากมีการนัดหมายกันเมื่อไหร่ก็คงจะรายงานให้ตนทราบ สำหรับคดีเมื่อปี 58 และ 59 รวม 11 คดี เจ้าหน้าที่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งสำนวนให้อัยการให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้





             ด้าน พ.ต.อ.ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า หลังจากที่ตนเข้ามาอยู่ที่วัด ก็ได้มีแนวคิดตั้งมูลนิธิฯและบริษัทขึ้นมา เพื่อแยกเสือออกจากวัด โดยให้วัดดำเนินการเรื่องทางกิจของสงฆ์ มูลนิธิก็ให้ดำเนินการเรื่องของการสงเคราะห์ ส่วนบริษัทก็ให้ดำเนินการเรื่องของธุรกิจ เพราะหากดำเนินการแล้วเสร็จคำครหาที่ว่าการที่วัดเลี้ยงเสือไม่ใช่กิจของสงฆ์ก็จะได้หมดไปแต่ได้เพียงแค่เกือบสอบผ่านเท่านั้น




             สำหรับการเดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้เพื่อมาให้ปากคำในฐานะพยาน แต่ตนก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องให้ปากคำในคดีอะไรบ้างเพราะขณะนี้ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ทราบเพียงว่าให้มาเป็นพยานในฐานะเป็นผู้บริหารของมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ และเท่าที่ทราบจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับวัดป่าและมูลนิธิฯแต่อย่างใด ทราบเพียงว่าเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีกับฆราวาส 2 คน และพระ จำนวน 1 รูปเท่านั้น





            สำหรับการค้นพบตะกรุดหนังสือ เขี้ยวเสือ รวมทั้งซากหนังเสือ ความคิดเห็นส่วนตัวแล้วเชื่อว่าไม่ใช่ของหลวงพ่อ ส่วนจะมาจากไหนนั้นตนก็ไม่ทราบเช่นกัน ไม่ใช่ว่าตนจะแก้ต่างให้หลวงพ่อ เพราะที่ผ่านมามีศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมากรวมทั้งลูกศิษย์ที่อยู่ต่างประเทศก็มี อย่างเช่นล็อกเก็ตของหลวงตามหาบัว และของหลวงตาจันทร์ก็มีลูกศิษย์จากจังหวัดเพชรบุรีนำมาถวายเพื่อให้หลวงพ่อนำไปแจกให้กับลูกศิษย์ที่มาวัด ดังนั้นจึงสามารถยืนยันได้ว่าของที่พบทุกอย่างไม่ใช่ของหลวงพ่อ แต่เป็นของที่ลูกศิษย์นำมาถวาย ถึงแม้ตนจะไม่มีหลักฐานแต่ก็เชื่อได้ว่าไม่ใช่ของท่านอย่างแน่นอน สำหรับตำแหน่งต่างๆที่ที่ตนมีอยู่ภายในวัดก็คงจะขอลาออกจากตำแหน่งต่อไป





     ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี
 เรวัติ น้อยวิจิตร   hub admin rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น