หน้าเว็บ
▼
วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
สระบุรี- โรงเรียนภาพวาดหลัง วันหลัง หลังดำนา หลังลงกะลา พาแลง
เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 56 นายสายชล เพยาว์น้อย เจ้าของธุรกิจบ้านไร่กาแฟ คณะผู้บริหารโรงเรียนหนองแซงวิทยา กศน.อำเภอหนองแซง ร่วมจัดงาน โรงเรียนภาพวาดหลัง วันหลัง หลังดำนา หลัง ลงกะลา พาแลง ณ บริเวณบ้านไร่กาแฟ ตำบลหนองควายโซ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี
เวลา15.00น บรรยากาศภายในงาน มีกิจกรรมและการแสดง เช่น ลงแขกดำนา มัดกล้า หาบกล้า พิธีแฮกนา ทำการบูรณาการมะม่วงมันหนองแซง สาธิตแปรรูปข้าวเจ๊กเชยโบราณ การทำขนมโบราณ
โดยมี ที่ปรึกษาเอกอัครรัฐทูตแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทยพร้อมคณะ นาง ฉวีวรรณ คลังแสง ผู้ช่วย รมต.กระทรวงศึกษาธิการ นายบัญชา เชาวรินทร์ นายอำเภอหนองแซง น.ส.กัลยา (นก) รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี เขต 1 นาย วินัย พันธุรักษ์เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี่ด้วย
ในช่วงค่ำเวลา 19.00น. นายชโลธร ผาโคตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เดินทางเป็นประธานกล่าวเปิดงานและร่วมรับประทานอาหาร ณ ลานลงกะลาลานดิน พร้อมทั้งชมการแสดงโขนลาวเวียง รำลาวเวียง ของนักเรียนโรงเรียนหนองแซงวิทยาสลับกับการร้องเพลงของนายวินัย พันธุรักษ์ อีกด้วย
ทีมข่าวพลังชน สระบุรี
วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ชาวบางปลาม้า ร่วมใจนำร่อง คก.ประชาธิปไตย ปลอดการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง
นายสุเชษฐ์ ธีรัทธานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นายประพันธ์ บุญคุ้ม กรรมการการเลือกตั้งฯ พ.ต.อ. ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ กรรมการการเลือกตั้งฯ นางสายใจ หมั่นฝึกพันธ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุพรรณบุรี จัดโครงการ หมู่บ้านประชาธิปไตย ปลอดการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ณ บ้านไผ่มุ้ง ต.วังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี มี นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบงานด้านสืบสวนสอบสวน ให้เกียรติเดินทาง ร่วมงาน
วันจันทร์ ที่ 26 สิงหาคม 2556 เวลา 09.00 น. นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบงานด้านสืบสวนสอบสวน อดีตดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา จบนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบเนติบัณฑิตไทย เคยเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 3 อธิบดีผู้พิพากษาภาค 7 และอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 เดินทาง มาร่วมกิจกรรม โครงการ หมู่บ้านประชาธิปไตย ปลอดการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ณ บ้านไผ่มุ้ง ต.วังน้ำเย็น อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพื่อสร้าง โครงการนำร่อง ฯ หมู่บ้านประชาธิปไตย ปลอดการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง มี ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ นายสุเชษฐ์ ธีรัทธานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นายประพันธ์ บุญคุ้ม กรรมการการเลือกตั้งฯ พ.ต.อ. ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ กรรมการการเลือกตั้งฯ นางสายใจ หมั่นฝึกพันธ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมโครงการ
เรวัติ น้อยวิจิตร ข่าว rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445
ขอบคุณ ภาพจาก ภัทรพล พรมพัก วัฒนพล มัจฉา เดลินิวส์สุพรรณบุรี
ม.นเรศวร จัดนิทรรศการผลงานศิลปกรรม โดย วัฒนโชติ ตุงคะเตชะ
สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
ขอเชิญชื่นชมผลงานศิลปะฝีมือศิลปินระดับนานาชาติ ใน
“นิทรรศการผลงานศิลปกรรม โดย วัฒนโชติ ตุงคะเตชะ”
ศึกษา ชื่นชมผลงานศิลปะหลากหลายแขนง กว่า ๑๐๐ ชิ้น สะท้อนเรื่องราวมนุษย์กับสังคม และธรรมชาติในจินตนาการ วันที่ ๗ – ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ณ หอศิลป์ฯ อาคารวิสุทธิกษัตริย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูพงษ์ พงษ์เจริญ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดเผยว่า “ในวงการศิลปะเป็นที่ยอมรับกันว่า การแสดงศิลปกรรมของศิลปินเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญยิ่ง นอกจากการแสดงศักยภาพของตัวเองแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนและผู้สนใจได้มีโอกาสแสดงความสามารถ ได้ฝึกทักษะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงการแข่งขัน และเล็งเห็นคุณค่าของศิลปกรรมร่วมสมัย ส่งผลให้มีการพัฒนาฝีมือ เพื่อก้าวสู่การเป็นศิลปินในระดับชาติต่อไป”
ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า “สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในก้านการส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่กิจการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เพื่อเพิ่มพูน พัฒนาองค์ความรู้ และประยุกต์ใช้ในสังคม ด้วยเหตุนี้จึงจัดนิทรรศการผลงานศิลปกรรม โดย วัฒนโชติ ตุงคะเตชะ ขึ้น เพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปกรรมของศิลปิน ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนแนวความคิดระหว่างศิลปินด้วยกันเอง และศิลปินกับผู้ที่สนใจ เกิดเครือข่ายศิลปินและผู้ทำงานด้านศิลปะ เป็นการพัฒนาวงการศิลปะอย่างเป็นรูปธรรม ”
ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวินกล่าวต่อว่า “นิทรรศการผลงานศิลปกรรม โดย วัฒนโชติ ตุงคะเตชะ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๗ – ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ ณ หอศิลป์ฯ อาคารวิสุทธิกษัตริย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะของอาจารย์วัฒนโชติ ตุงคะเตชะ ศิลปินระดับนานาชาติ ประกอบด้วยผลงานวาดเส้น ภาพพิมพ์ สื่อผสม จิตรกรรม และประติมากรรมเซรามิค จำนวนกว่า ๑๐๐ ชิ้น ในหัวข้อ หน้ากาก สะท้อนเรื่องราวมนุษย์กับสังคม และ Dreamscape มุมมองความประทับใจในธรรมชาติ ณ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยการสร้างสรรค์ ถ่ายทอดผ่านความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการของตนเอง ทั้งนี้ขอเชิญร่วมพิธีเปิดในวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ หอศิลป์ฯ อาคารวิสุทธิกษัตริย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๕๕๙๖ ๑๑๔๘
พรปวีณ์ ทองด้วง นักประชาสัมพันธ์ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
ชั้น 3 อาคารวิสุทธิกษัตริย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โทร. 0 5596 1143
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ม.นเรศวร เชิญชม นิทรรศการสมุนไพรยาข้างบ้านชุด “เครื่องหอม”
สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
ขอเชิญซึมซับภูมิปัญญาไทย ให้คุณค่าและความภูมิใจ
ในนิทรรศการสมุนไพรยาข้างบ้านชุด “เครื่องหอม”
หยิบจับ สูดดมสมุนไพรที่ให้ความหอม เป็นเครื่องประทินผิว และถนอมรักษาผ้า วันนี้ถึงวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๖ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูพงษ์ พงษ์เจริญ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดเผยว่า “สมุนไพรนับเป็นภูมิปัญญา เอกลักษณ์ วัฒนธรรมที่อยู่คู่คนไทยมานานหลายพันปี นอกจากการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว สมุนไพรยังมีวิวัฒนาการทั้งในวงการแพทย์ สาธารณสุข อาหาร เครื่องสำอาง ฯลฯ ให้คุณประโยชน์ในด้านต่าง ๆ โดยมีผลข้างเคียงน้อย สะดวก ปลอดภัย ประหยัด สามารถปลูกเองได้ง่าย ปัจจุบันจึงมีการส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้สมุนไพรไทยกันมากขึ้น ทั้งยังได้รับความนิยมจากประเทศต่าง ๆ อีกด้วย”
ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า “ด้วยคุณค่าอันอเนกอนันต์ของสมุนไพร สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงจัดนิทรรศการสมุนไพรยาข้างบ้านชุด ‘เครื่องหอม’ ขึ้น ให้ทุกท่านได้รู้จักสมุนไพรที่มีสรรพคุณให้ความหอม เช่น กระแจะจันทน์ ชะมดเชียง น้ำดอกไม้เทศ บุหงารำไป น้ำอบไทย รวมถึงสมุนไพรที่เป็นเครื่องสำอางประทินผิว เช่น แป้งหอม ดอกอัญชัน ขมิ้น มะกรูด นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรที่ใช้ในการถนอมรักษาผ้า เช่น ลูกซัด ชะลูด สารภี จันทน์กะพ้อ ประยงค์ เป็นต้น ซึ่งทำให้เราได้รู้คุณค่าของสมุนไพร หันกลับมาใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ที่สำคัญเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม มรดกไทย นำไปสู่การส่งเสริม สนับสนุนสมุนไพรไทยต่อไป”
ผู้อำนวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวินกล่าวต่อว่า “ขอเชิญทุกท่านมาชื่นชม หยิบจับ สัมผัส สูดดมสมุนไพรไทยชนิดต่าง ๆ ได้ในนิทรรศการสมุนไพรยาข้างบ้านชุด ‘เครื่องหอม’ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๑๘ กันยายน ศกนี้ ทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยนเรศวร”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งานพิพิธภัณฑ์ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๕๕๙๖ ๑๑๔๘ และ ๐ ๕๕๙๖ ๑๒๑๘
Phornpawee Thongduang;
พรปวีณ์ ทองด้วง นักประชาสัมพันธ์ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
ชั้น 3 อาคารวิสุทธิกษัตริย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โทร. 0 5596 1143
สระบุรีพบกระเป๋าดำซุกป่าข้าวโพด แจ้งกำนันเปิดเจอกระสุนเพรียบ
ชาวไร่เสาไห้สระบุรีพบกระเป๋าดำซุกป่าข้าวโพดวิ่งโร่แจ้งกำนันเปิดเจอกระสุนเพรียบ
เมื่อ 23 ส.ค.56 เวลา 08.30 น.ได้รับแจ้งจากนายถาวร บุญนาที กำนัน ต.หัวปลวก อ.เสาไห้ว่ามีชาวบ้านพบกระเป๋าซุกในไร่ข้าวโพดภายในมีเครื่องกระสุนจำนวนมาก พลตรีนพดล พิศวง รองผอ.กอ.รมน.สระบุรี พ.ต.อ.สุรพล บุญมา ผกก.สภ.เสาไห้ ร.ต.ท.พิภาค ม่วงช้าง ร้อยเวร สภ.เสาไห้ จ.สระบุรี และน.ส.สมพรประดิษฐ์ ปลัดป้องกัน อำเภอ.เสาไห้ จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุบริเวณป่าข้าวโพด ข้างทาง ถ.สาย บ.เขาดินใต้-บ.หนองสามห่าง หมู่ 12 ที่อยู่ ห่างจากจุดสกัด ตู้ยาม ตร.สภ.เสาไห้ เพียง 500 เมตร พบกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่ในป่าข้าวโพดข้างทาง ค้นภายในพบเครื่องกระสุนบรรจุในกล่อง สภาพใหม่ ขนาด.38จำนวน10นัด.357จำนวน 70 นัด .380 จำนวน 115 นัด ซองกระสุนขนาด.22 จำนวน1ซองชุดประกอบแปลงสภาพปืนพกสั้นให้เป็นปืนยาว 1 ชุด ซิม เครื่องตัดสัญณาณมือถือ 1 อันโทรศัพท์มือถือในซอง 6 ซิม เอสดีกราด 1 อัน สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สลิปตู้เอทีเอ็ม และเอกสาร สมุดหมายเลขโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง
พร้อมกันนี้ยังพบสมุดคู่มือ รถยนต์ เก๋งฮอนด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน งพ. 27 กทม.ระบุชื่อ น.ส.สกุลรัตน์ สุวรรณสุขโข บ้านเลขที่ 28 หมู่ 11 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรีซุกอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ บช.ปส.กว่า 10 นาย ยิงปะทะก่อนจะวิสามัญคนร้ายคดียาเสพติดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ค.56 จนสามีได้ถูกตำรวจ บช.ปส. ยิงวิสามัญเสียชีวิต บริเวณสี่แยก เทวกรรม ถนนนครสวรรค์ พร้อมยึดยาบ้า 218,000 เม็ด และยาไอซ์ 12 ก.ก. และน.ส.สกุลรัตน์ฯจับกุมดำเนินคดี และทางพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ปปส.ได้มีการนำบุตรชาย น้องลีซอ เด็กชายวัย 2 เดือน นำไปส่งคืนให้ยายเลี้ยงดู ที่บ้านพักใน ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ตำรวจ จึงต้องนำของกลางไปตรวจสอบ หาหลักฐานสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)
กระทรวงพลังงานลงพื้นที่สระบุรี เปิดเวทีสัมมนาแจงขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม
กระทรวงพลังงานลงพื้นที่สระบุรี เปิดเวทีสัมมนาแจงขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม
กระทรวงพลังงานจัดเวทีสัมมนาชี้แจง การปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ด้วยมาตรการ ขึ้นทะเบียนภาคครัวเรือน หาบเร่ แผงลอย รัฐหนุนเงินเข้ากองทุนหวังลดราคาน้ำมัน อ้างนโยบายรัฐเคย ผิดพลาด ที่สนับสนุนLPG เป็นพลังงานทางเลือก จนต้องนำเข้าก๊าส คาดปตท.ยังโดนอุ้ม ไม่กระทบผลกำไร
วันนี้ 22 ส.ค.2556 เวลา 09.00 น.ที่ห้องประชุมโรงแรมเกี่ยวอัน จังหวัดสระบุรี กระทรวงพลังงานลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี จัดสัมมนา "ปรับราคาก๊าซ LPG ก้าวหน้าที่พลังงานไทย” ครั้งที่ 3 เพื่อชี้แจงภาคประชาชนเกี่ยวกับมาตรการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ที่จะดีเดย์ 1 กันยายน นี้ พร้อมเปิดข้อมูลแนวทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แม่ค้าหาบเร่ แผงลอยอาหาร โชว์ความพร้อมของระบบ เอสเอ็มเอส และตอบทุกข้อโดย มีผู้นำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสระบุรีและใกล้เคียง อาทิ สื่อมวลชน ผู้นำวิทยุชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล พาณิชย์จังหวัด กรมการค้าภายในจังหวัด พัฒนาธุรกิจพลังงาน เข้าร่วมงาน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมงานจะสามารถเป็นสื่อกลางที่สำคัญในการประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้เข้ามาขอรับสิทธิ์การซื้อก๊าซหุงต้มราคาเท่าเดิมเพิ่มมากขึ้น โดยมีการเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
<
กิจกรรมภายในงานสัมมนาฯ ประกอบด้วย การเปิดเวทีเพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนในเชิงลึก โดย รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง นอกจากนั้นยังมีบอร์ดนิทรรศการต่างๆที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมภายในงาน ทั้งนี้ การจัดสัมมนาดังกล่าว สนพ. จะจัดขึ้นไปยังจังหวัดต่างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น เพื่อตอกย้ำและเผยแพร่ข้อมูลที่แท้จริงไปยังประชาชนทั่วประเทศ
div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานนำคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานนโยบายและพลังงาน (สนพ.) ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดโดยในครั้งนี้ที่จังหวัดสะบุรี ได้จัดสัมมนา "ปรับราคาก๊าซ LPG ก้าวหน้าที่พลังงานไทย” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการในการขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) และแนวทางการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและร้านอาหารหาบเร่ แผงลอยอาหารให้ได้รับสิทธิ์ในการซื้อก๊าซราคาเดิม รวมทั้งแจงความพร้อมของระบบ เอสเอ็มเอส (SMS) ที่ประชาชนที่มีข้อสงสัยและสามารถโทรเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆได้
และเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีสิทธิ์แต่ยังไม่มาแจ้งใช้สิทธิ์ หรือตกสำรวจไปนั้น สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา โดยผู้ไม่มีไฟฟ้าใช้ สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเขต อบต.หรือ เทศบาลที่อยู่ของท่าน ร้านค้า หาบเร่ แผงอาหาร สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน อบต. อบจ. เทศบาล พาณิชย์จังหวัด การค้าภายในจังหวัด พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด พลังงานจังหวัด หรือลงทะเบียนผ่านโทรศัพท์มือถือก็ได้ ส่วนขั้นตอนการเข้าใช้สิทธิ์ผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น ถือว่ามีความพร้อมเรื่องระบบ SMS แล้ว โดยมีการกำหนดรหัสให้ผู้ใช้สิทธิ์สำหรับใช้ในการส่งข้อความสั้นหรือ SMS โดยมี 2 ขั้นตอน ในการกดรหัสผ่าน SMS คือ ขั้นตอนแรก กดรหัสเพื่อลงสิทธิ์กับร้านค้าก๊าซฯ และขั้นที่สอง การส่งรหัสส่ง SMS เพื่อใช้สิทธิ์สั่งซื้อกับร้านก๊าซฯ
ทั้งนี้ กระทวงพลังงานยังเร่งชี้แจงและทำความเข้าใจถึงการใช้สิทธิ์ แอลพีจีราคาเดิม อย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้มีรายได้น้อย ก่อนที่จะมีการปรับราคา LPG วันที่ 1 กันยายนนี้ อีก 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม เป็นเดือนแรกตามนโยบายปรับโครงสร้างราคา LPG ภาคครัวเรือนจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ไปสู่การสะท้องต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะทยอยขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม เพื่อลดผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของประชาชน
สำหรับกลุ่มที่จะได้รับความช่วยเหลือมุ่งไปยัง 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน หรือ ผู้ไม่มีไฟฟ้าใช้ 7.5 ล้านครัวเรือน จะได้รับสิทธิ์ "ซื้อก๊าซราคาเดิม (ก่อนมีการปรับราคา) ตามการใช้จริงแต่ไม่เกิน 18 กิโลกรัม ต่อ 3 เดือน และกลุ่มแม่ค้า ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารทั่วประเทศที่มีกว่า 500,000 แห่ง จะได้รับสิทธิ์ "ซื้อก๊าซราคาเดิม” ตามที่ใช้จริงแต่ไม่เกิน 150 กิโลกรัมต่อเดือน
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)
บ.เรดสตาร์ทรานสปอร์ต จัด โครงการขับขี่ปลอดภัยสำหรับรถพ่วง
สระบุรี-โครงการขับขี่ปลอดภัยสำหรับรถพ่วง ของบ.เรดสตาร์ทรานสปอร์ต จำกัด
เมื่อ 21 ส.ค.56 เวลา 10.00 น. ณ ลานจอดรถบริษัท เรดสตาร์ทรานสปอร์ต จำกัด โดยนายสมชาย จิตรพิทักษ์เลิศ กรรมการผู้จัดการธุรกิจขนส่ง บ.เรดสตาร์ทรานสปอร์ต เลขที่ 40/20 หมู่2 ต.สวนดอกไม้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ได้ริเริ่มจัดโครงการขับขี่ปลอดภัยสำหรับรถพ่วงขึ้น เพื่อพัฒนาการขับรถอย่างปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้อง สำหรับมืออาชีพทั้งรถเล็กและรถใหญ่ เพื่อเพิ่มมาตรฐาน การขับรถเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนหลวงและย่านชุมชน อย่างถูกวิธีเพื่อเป็นต้นแบบความคิดของผู้ประกอบการขนส่ง ด้วยการ จัดอบรมให้กับพนักงานขับรถมืออาชีพขึ้น จำนวน 3 วัน ตั้งแต่ 19-21 ส.ค.56 ดำเนินงานจัดหลักสูตรโดย บ. วิน วิชั่น จำกัด โดยทีมงาน อาจารย์สุรพล ศรีวรรธนะ วิทยากรที่มี ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
นายสมชายกล่าวว่า การสนับสนุนงบประมาณ ในการจัดหลักสูตรนี้ขึ้นมา หลังจากทางบริษัทเคยส่งพนักงานขับรถเข้าร่วมอบรมกับ บ.ปตท.จึงเห็นความสำคัญในการเพิ่มทักษะของพนักงานขับรถ ให้ความรู้เพิ่มพูนความสามารถ ที่มีคุณภาพในท้องถนนให้เพิ่มขึ้น และเพื่อสอดคล้องกับปริมาณผู้ใช้รถใช้ถนนที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเช่นกันโดยได้จัด หลักสูตรที่เหมาะสมแก่นักขับรถมืออาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ทำหน้าที่ขับรถขนาดใหญ่ให้เข้าใจในเรื่อง พ.ร.บ.จราจรทางบก, ให้มีเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัยและมารยาทในการขับรถยนต์, การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ารับการอบรมเองและผู้ใช้รถใช้ถนนโดยทั่วไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)
ศาลสระบุรี จัด คก.ส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรม
ศาลจังหวัดสระบุรี จัดโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
ศาลจังหวัดสระบุรีจัดโครงการประสานความร่วมมือหน่วยงานด้านขบวนยุติธรรมจังหวัดสระบุรี มี หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ทางอาญา ทางแพ่งและทางปกครอง เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมสระบุรีอินน์ จังหวัดสระบุรี
เมื่อ 21 ส.ค.56 เวลา 09.00 น.นางสุรางค์รัตน์ โอฬารสกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรีเป็นประธานเปิดโครงการ “ ส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านการยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ” โดย มีนายอนุชา ทองวงศ์สกุล ผู้พิพากษารองหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรีกล่าวรายงาน มี หน่วยงานยุติธรรมทุกองค์กรทุกหน่วยงานตั้งแต่ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครองโดยเฉพาะพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พนักงานอัยการ ทนายความพนักงานคุมประพฤติ เจ้าพนักงานบังคับคดีและราชทัณฑ์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นายดุลโชค มนุญพร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระบุรี นายฉกาจ แก้วมี อัยการจังหวัดสระบุรี พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรี อัยการจังหวัดคดีเด็กเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระบุรี ,ผู้ประนีประนอมประจำศาลจังหวัดสระบุรี และประธานสภาทนายความจังหวัดสระบุรี หรือ ผู้แทน เข้าร่วมสัมมนาเพื่อความร่วมมือกันส่งเสริมกันในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานและแก้ไขปัญหาร่วมกันให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชนและรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)
เทศบาลเมืองทุ่ม 4 ล้านกล้องวงจรปิดไร้สาย
นายเอกพันธ์ อินทร์ใจเอื้อ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่าขณะนี้ปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นมากมายทั้งในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองและนอกเขตเทศบาลเมืองส่งผลให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพในเขตเทศบาลเมืองเกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะในเขตเทศบาลเมืองฯไม่เคยหลับใหล ตลอดทั้งคืนมีพ่อค้าแม่ขายประกอบสัมมาอาชีพการค้าขายกันทั้งคืนทั้งวันแต่ก็มีหลายจุดที่เสียงการเกิดปัญหาอาชญากรรม จึงเตรียมดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วพื้นที่เขตเทศบาลเมืองทั้งหมด เพื่อง่ายต่อการติดตามจับกุมคนร้ายเพราะหลักฐานกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานในการแสดงถึงพฤติกรรมการก่อเหตุ และการกระทำผิดถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่เราจะกระทำได้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ตรวจสอบพบว่ามีจุดที่ต้องดำเนินการทั้งสิ้นจำนวน 36 จุด แต่เมื่อตรวจสอบลงลึกแล้วพบว่ามีการซ้ำซ้อนถึง 7 จุดด้วยกันที่มีหน่วยงานอื่นติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่แล้วจึงตัดลง 7 จุดเหลือเพียง 29 จุดเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนและเสียงบประมาณโดยไม่ใช่เหตุ จึงเตรียมงบประมาณไว้จำนวน 4 ล้านเพื่อดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดไร้สาย เพราะหลายครั้งที่ผู้กระทำผิดลงมือตัดสายกล้องวงจรปิดหรือทำลายกล้องก่อนก่อเหตุเราจึงตัดไฟแต่ต้นลมโดยใช้กล้องวงจรปิดไร้สาย และสามารถตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมงทางอินเทอร์เน็ต นายเอกพันธ์กล่าว
บ้านนักข่าว
สาลี่แม่บ๊วยของฝากจากสุพรรณบุรี
เมื่อพูดถึงของฝากของจังหวัดสุพรรณบุรีก็ต้องนึกถึงขนมสาลี่ แต่ต้นตำหรับสาลี่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ก็ต้องสาลี่แม่บ๊วย อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เจ้าของสูตรท้าคนชิมได้เลยว่าสาลี่แม่บ๊วยแท้ๆสูตรดั้งเดิมที่นี้เหนียวนุ่ม หอม หวาน ที่สำคัญไม่ติดคอเหมือนสาลี่เจ้าอื่นๆที่กินแล้วจะฝืดคอเป็นสูตรเด็ดที่ใครก็ไม่สามารถเลียนแบบได้อย่างแน่นอนและมีจำหน่ายที่เดียวไม่มีสาขาเพราะทดสดใหม่ทุกวันเรียกว่าใครไม่รู้จักสาลี่แม่บ๊วยแทบไม่มี
นางสาวสมพร หรือเจ๋เล็ก กาญจนจิตต์เจริญ บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 5 ตำบลโคกคราม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เล่าให้ฟังว่าเดิมบ้านอยู่ที่ริมแม่น้ำท่าจีน ทำขนมสาลี่มาตั้งแต่ปี 2485 ประมาณ 70 ปี สมัยก่อนใช้มือตีไข่ใช้เตาฟืนนึ่งขนม และต่อมาเปลี่ยนพัฒนามาใช้เครื่องตีไข่และเปลี่ยนมาใช้เป็นเตาแก๊สแทนเตาฟืนที่สามารถนึ่งได้ครั้งละ 10 ถาด สำหรับสูตรการทำขนมสาลี่แม่เป็นผู้คิดค้นสูตร และเป็นสูตรที่ลงตัวที่สุดและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สมัยก่อนสาลี่ทำกินกับน้ำแข็งใสไม่มีการบรรจุถุงแบบปัจจุบันสาลี่จะเป็นของคู่กับน้ำแข็งใส จนกระทั่งประมาณปี 2513 เริ่มทำใส่ถุงขายที่งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ เพราะมีการนำของดีของแต่ละอำเภอไปวางขายให้คนที่มาเที่ยวงานได้รู้จัก สมัยก่อนขนมสาลี่มีสีชมพูอย่างเดียวสมัยก่อนเป็นกลิ่นนมแมว ปัจจุบันมีหลายหลายรสหลายสีให้เลือก เริ่มแรกขายชิ้นละ 50 สตางค์ พอใส่ถุงก็ขาย 13 บาท ตอนสมัยก่อนใส่โหลไม่มีขายอย่างปัจจุบัน แม่บ๊วยเป็นชื่อแม่ ผู้คิดค้นสูตร สำหรับร้านแม่บ๊วยย้ายมาอยู่ที่ปัจจุบันเลขที่ 279/1-4 หมู่ที่ 5 ตำบลโคกคราม อำเภอบางปลาม้า ได้เพียงประมาณ 10 ปี บริเวณถนนทางเข้าหน้าอำเภอบางปลาม้า ขนมสาลี่วันธรรมดาจะทำเพียง 10-20 ถาดเริ่มทำสาลี่ตั้งแต่ตีสี่เลิกสามโมงเช้าในวันธรรมดา ส่วนในวันหยุดเสาร์อาทิตย์เริ่มตั้งแต่ตีสี่เลิกทำช่วงเที่ยงวัน ทำอย่างนี้ตลอดอย่างต่อเนื่อง ทำอย่างนี้เพื่อให้เพียงพอต่อการขายหน้าร้านเพราะที่ร้านจะไม่มีสาขาส่วนสูตรการทำขนมและเคล็ดลับคือต้องผสมแป้งเสร็จนำไปนึ่งครึ่งชั่วโมงด้วยไฟคงที่ เรียกว่าถาดต่อถาดไม่ผสมให้เสร็จที่เดียวแล้วนึ่ง แป้งจะตายไม่อร่อย ต้องนึ่งด้วยไฟคงที่ อย่างใช้ไฟอ่อนหรือเร่งไฟแรงเกินเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรเลย ใช้เวลาในการนึ่งน้อยไปสาลี่ก็ไม่สุกสาลี่เสียทั้งถาดถ้าใช้เวลาในการนึ่งมากไปสาลี่ก็แห้งกราบไม่อร่อย ต้องนุ่มเหนียวไม่ติดมือ วัสดุที่สำคัญคือไข่ไก่ต้องสดใหม่ไข่ขาวกับแดงต้องไม่แยกกันคือไข่ใหม่ ไข่เก่าก็ใช้ได้แต่ไม่อร่อย ไม่สวย ทุกรายละเอียดต้องควบคุมเองทุกขั้นตอนต้องใส่ใจทั้งหมด ทุกครั้งที่ลงมือทำจะต้องดูว่าขนมชนิดใดเหลือมากน้อยก็จะทำเสริมทุกวันเท่านั้นไม่ทำไว้เยอะเรียกว่าขายกันวันต่อวันเท่านั้น แรงงานทำใช้พี่น้องญาติในครัวเรือนทั้งหมดทำกันแบบพี่แบบน้อง สูตรต้องเป็นสูตรอย่าลดส่วนผสมใดลงไปไม่ได้เพราะจะเพี้ยนทันที วัตถุดิบจะแพงอย่างไรก็ต้องใช้อย่าลดอย่าเพิ่มอย่าใช้วัตถุดิบแทนกันไม่ได้ การทำขนมสาลี่ทุกอย่างต้องดี สด ใหม่ หลายคนถามว่าทำไมต้องมีลูกเกตุที่ด้านหน้าขนมสาลี่เป็นสูตรหรือไม่ ตอบได้ตรงนี้เลยว่าเป็นเรื่องของหน้าตาขนมที่ไม่ใส่ลูกเกตุก็ดูว่าสาลี่ดูโล้นไม่น่ากินใส่ลูกเกตุแล้วดูหน้าตาดีขึ้นมาทันทีไม่โล้น แต่ถ้าถามนักชิมจะรู้เลยว่าว่าลูกเกตุเมื่อผ่านการนึ่งแล้วจะมีรดชาดหวานแบบลงตัวเมื่อกินกับสาลี่ที่หอมกรุ่นออกจากเตาใหม่ๆลงตัวที่สุด กินกับน้ำชา กาแฟเข้าได้หมด ปัจจุบันขายถุงละ 40 บาท ในอนาคตเราเองก็อยากให้สาลี่แม่บ๊วยคงความมีคุณภาพอยู่อย่างนี้ตลอดไปเพราะสูตรทุกรายละเอียดจะถูกถ่ายทอดอยู่ที่พี่น้องและญาติของเราเท่านั้นมิได้มีการเผยแพร่สูตรและเทคนิควิธีการให้คนอื่นรู้จึงไม่มีใครสามารถทำได้เหมือนเราอย่างแน่นอนจะอีกกี่ปีสาลี่แม่บ๊วยก็จะยังคงอยู่เป็นของดีเมืองสุพรรณบุรีตลอดไป ปัจจุบันมีสาลี่ สาลี่ทิพย์ ครองแครง และขนมชั้น ที่เราทำเองที่นี้ เวลาเปิดปิดร้าน 8.00 น. ปิด 18.00 น.ส่วนร้านอาหารแม่บ๊วยจะเปิด 9.30 น.ปิด 17.00 น. สามารถสอบถามรายละเอียดสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 035-587077 035-586416
บ้านนักข่าว